เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวที่ควรจะนำมาเป็นตัวอย่างและกรณีศึกษาได้ดีเลยทีเดียว กับปัญหาเพื่อนบ้านปลูกต้นไม้แล้วกิ่งก้านมันยื่นล้ำเข้ามาภายในบริเวณบ้านของเรา แต่พอบอกให้ตัดกลับนิ่งเฉยไม่สนใจใยดีอะไร หลายคนอาจไม่อยากจะเสียเวลาไปแจ้งความหรือฟ้องศาลเพราะคิดว่าคงจะไม่มีประโยชน์ แต่ลองมาฟังเรื่องราวต่อไปนี้ดูก่อน คาดว่าน่าจะพอเป็นแนวทางให้กับทุกท่านได้บ้าง
หญิงสาวเจ้าของบ้านท่านหนึ่งได้เคยโพสต์เรื่องราวที่ตัวเธอเองมีปัญหากับป้าข้างบ้านเอาไว้ในสังคมออนไลน์ กรณีที่ป้าปลูกต้นไม้แล้วกิ่งก้านใบมันยื่นล้ำมาบ้านของเธอแบบชนิดที่ว่าปกคลุมเต็มไปหมด แต่พอมีการบอกให้ตัดออกกลับไม่ได้รับความเอาใจใส่หรือสนใจที่จะทำ ดังนั้นเธอจึงได้ตัดสินใจฟ้องร้องต่อศาลให้มีคำสั่งเด็ดขาดออกมา

ผลก็คือว่าศาลพิพากษาให้ทางป้าข้างบ้าน จะต้องตัดต้นไม้ออกให้หมด และเก็บเศษไม้ออกไปจากบ้านของตัวเธอด้วย แถมป้าจะต้องออกค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้ทุกอย่าง เรื่องราวดูเหมือนจะจบลงแบบง่ายๆไม่มีอะไร แต่กลับกลายเป็นว่าป้าข้างบ้านไม่ได้มีความใส่ใจหรือสนใจในคำสั่งศาลแม้แต่น้อย ยังคงนิ่งเฉยไม่รู้ร้อนรู้หนาว อารมณ์ประมาณว่าฉันไม่ทำดูสิ๊ใครจะทำไมฉันได้
แต่สิ่งนั้นไม่สามารถจะมาหยุดความจริงจังที่หญิงเจ้าของบ้านได้ทำเอาไว้ เธอได้ดำเนินการขั้นต่อไป โดยนำคำตัดสินของศาลไปที่กรมบังคับคดี เพื่อให้ทำการสืบทรัพย์ของป้าข้างบ้าน ว่ามีทรัพย์สินอะไรบ้าง จะได้นำมาขายทอดตลาดเพื่อมาเป็นค่าใช้จ่ายที่จะชดใช้ให้กับเธอตามคำสั่งศาลนั่นเอง จนไปพบว่ามีบ้านและมีรถ ซึ่งทางสาวเจ้าของเรื่องได้เลือกให้ใช้รถในการนำไปขายทอดตลาด และจุดเปลี่ยนคือตรงนี้เอง

เพราะป้าข้างบ้านพอได้รู้ว่าตัวเองจะถูกยึดเอารถไปขายทอดตลาดเพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายที่จะต้องชดใช้ให้กับสาวเจ้าของบ้าน ถึงกับดิ้นเลยทีเดียว ตอนนี้ไม่ยอมอยู่เฉยอีกต่อไป รีบมากดกริ่งที่หน้าประตูบ้านของหญิงสาวเพื่อขอเจรจาต่อรองทันที
สุดท้ายป้าข้างบ้านก็ต้องยอมที่จะตัดต้นไม้ออกจนหมด และนำเงินมาจ่ายชำระให้กับหญิงข้างบ้านตามคำสั่งศาล นับได้ว่าเป็นชัยชนะที่ขาวสะอาดและทำตามขั้นตอนของกฏหมาย หากใครที่กำลังมีปัญหาในแนวนี้อยู่นั้น น่าจะพอนำมาเป็นแนวทางได้อย่างดีเลยทีเดียว

ที่มา Kate Vena Amori