อาการทรุดตัวของสิ่งก่อสร้างนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกๆคน เนื่องจากพื้นดินที่มีการก่อสร้างจะมีผลของการทรุดตัวลงอยู่เสมอๆ ขึ้นอยู่กับว่าดินที่เราทำการก่อสร้างนั้นมีความแข็งและอัดแน่นมากแค่ไหน และการก่อสร้างมีการลงเสาเข็มลงไปถึงชั้นดินดานหรือไม่ เพราะหากไม่นั่นก็อาจจะส่งผลให้สิ่งก่อสร้างทรุดตัวลงได้ตามกาลเวลา
ดังนั้นแล้วการก่อสร้างใดๆก็ตามถึงต้องคำนึงถึงรากฐานและโครงสร้างเป็นสำคัญ ตั้งแต่การลงเข็มและการทำคาน เพราะจะเป็นสิ่งที่ช่วยพยุงช่วยค้ำยันสิ่งก่อสร้างของเราเอาไว้ไม่ให้ถล่มลงไป ถึงแม้ว่าตัวพื้นดินจะทรุดลงไปแค่ไหน แต่หากตัวโครงสร้างของเราแข็งแรงมั่นคงนั่นก็เป็นสิ่งที่คลายกังวลให้กับผู้อยู่อาศัยได้อย่างดี
แต่สำหรับเรื่องราวต่อไปนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับสิ่งก่อสร้างที่อยู่ติดกับริมตลิ่งหรือริมน้ำซะส่วนใหญ่ โดยเฉพาะหมู่บ้านจัดสรรโครงการทั่วไป ถึงมักจะมีปัญหาของอาการกำแพงรั้วหมู่บ้านล่มและทรุดตัว ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่สามารถจะเกิดขึ้นได้ในพื้นที่ที่ติดน้ำอย่างนี้ แต่มันก็มีวิธีแก้ไขที่จะมาช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น
เรื่องราวต่อไปนี้เป็นของหนุ่มเจ้าของบ้านท่านหนึ่ง ที่นำภาพมาโพสต์สอบถามกับสังคมออนไลน์ หลังจากที่กำแพงรั้วหมู่บ้านที่เขาอยู่อาศัยมีอาการล่มลงมา และทางโครงการได้ส่งช่างมาแก้ไขให้ โดยใช้วิธีการตอกเข็มลงไปกั้นโดยรอบกำแพงนั่นเอง
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือว่าพื้นที่ภายในบริเวณบ้านของเขานั้น ผ่านไปได้แค่วันเดียวหลังตอกเสาเข็มก็เกิดการทรุดตัวขึ้นอย่างรุนแรงจนเห็นเป็นโพรงด้านใต้ ไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร หรือจะเป็นเพราะการลงเข็มของช่างโครงการ ทำให้เขาสงสัยว่าช่างทำวิธีนี้ถูกแล้วหรือเปล่าแล้วจะแก้ไขได้อย่างไร
สังคมออนไลน์มีการเข้ามาอธิบายถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นว่า เนื่องจากว่าปกติแล้วบ้านหรือสิ่งก่อสร้างที่อยู่ริมน้ำอย่างนี้ น้ำจะเป็นตัวดันหน้าดินเพื่อพยุงไม่ให้เกิดการเคลื่อนตัวของดินอยู่แล้ว แต่ในกรณีนี้การตอกเสาเข็มลงไป ทำให้ดินที่พยุงอยู่นั้นเกิดการสไลด์ออก น้ำก็เลยเข้าไปแทนที่ช่องว่างที่เกิดจากการสไลด์ของดิน จึงเป็นเหตุให้บ้านข้างในทรุดตัวลงนั่นเอง ดังนั้นผู้ที่จะต้องมารับผิดชอบก็น่าจะเป็นโครงการ
ที่มา Sittichok Yoothon